การวางแผนกลยุทธ์เริ่มนิยมกันตั้งแต่ในปี
ค.ศ. 1950 ในโลกตะวันตก และในปีถัดมา ค.ศ. 1960
บริษัทจำนวนมากได้นำมาสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และกลายเป็นสิ่งจำเป็น(1)
เนื่องจากแผนกลยุทธ์สามารถสร้างแนวโน้ม และทำนายอนาคตได้ ที่กล่าวไปนั้น
ไม่มากก็น้อยสามารถทำให้บริษัทที่จัดทำแผนกลยุทธ์สามารถลดอุปสรรค และเตรียมความพร้อมให้กับเหตุการณ์ ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นได้
“แผนกลยุทธ์เป็นเรื่องขององค์กรใหญ่ๆ
บริษัทเล็กๆ ยังไม่จำเป็นหรอก”
อาจจะกล่าวได้ว่าผู้นั้นยังไม่เข้าใจความสำคัญของแผนกลยุทธ์อย่างถ่องแท้
เพราะตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น แผนกลยุทธ์สามารถทำนายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
และเป็นแผนงานที่องค์กรต่างๆ ดำเนินกิจการเพื่อให้บรรลุผลตามแผนงานที่ระบุไว้
เพราะแผนกลยุทธ์จัดทำจากการวัดวิเคราะห์ SWOT ที่ต้องสอดคล้องกับ
Goal, Vision, Mission และ Balance Scored Card ขององค์กรนั้นๆ
แสดงให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจขององค์กรที่จัดทำแผนกลยุทธ์ทุกปีการดำเนินกิจการจะมั่นคง
เมื่อเกิดปัญหาใดๆ ก็ได้เตรียมแผนเพื่อตั้งรับเหตุการณ์เหล่านั้นไว้เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากแผนกลยุทธ์ที่วางไว้นั้น กำเนิดมาจากผลที่เกิดขึ้นในปีก่อนหน้า
และการมองเห็นโอกาสในปีถัดไป
นั้นจึงทำให้แผนกลยุทธ์สร้างความได้เปรียบให้แก่องค์กรได้นั้นเอง
แต่ถึงกระนั้น
หากองค์กรต่างๆมีระบบการบริหารงานครบถ้วนแต่ขาดการจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ ก็อาจจะทำให้การวิเคราะห์เกิดข้อผิดพลาดได้ การวางระบบการจัดการข้อมูลเพื่อใช้ในการประมวล
และวิเคราะห์กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น ความสำเร็จ –
อุปสรรคในแต่ละกิจกรรมนั้นคืออะไร เราสามารถสร้างโอกาสได้จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วอย่างไร อาจจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนในการสร้างแผนกลยุทธ์ในปีหน้าของท่านก็ได้
อ้างอิง (1)
http://www.snc.lib.su.ac.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น