นักการตลาดคงเคยได้ยินโมเดล Generic
Strategies ของ Michel E.Porter โดยต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
และความผันผวนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจหลายทำให้ครั้งก็ทำให้ธุรกิจของเราผันผวนได้โมเดลทางเลือกกลยุทธ์ของ
Porter นั้นโดยพื้นฐานจะประกอบไปด้วย
1. กลยุทธ์ด้านการเป็นผู้นำด้านต้นทุน
(Cost-Leadership Strategy) ซึ่งจะกำหนดและควบคุมต้นทุนให้ต่ำกว่าคู่แข่งขัน
เพื่อนำเสนอสินค้าที่มีความคุ้มค่ากว่าให้ตลาด โดยส่วนใหญ่จะสามารถทำกำไรได้
และมักเป็นตลาดผู้บริโถคขนาดใหญ่
2. กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างในสินค้า และบริการ
(Differentiation Strategy) มีจุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอแบบที่ไม่เหมือนใคร
(Unique Offering) โดยที่คุณค่าของสินค้า
และบริการนั้นยังตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ซึ่งกลยุทธ์นี้เป็นที่สนใจของนักการตลาดในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก

4. กลยุทธ์ Cost Focus เป็นการตัดทอนต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นออก
เพื่อสร้างความได้เปรียบของการแข่งขันอาจต้องเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องเหล่านี้
- พยายามลงทุนในเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจ ต่ำลงได้
- สร้างระบบโลจิสติกส์ อันเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
- หาฐานการการผลิตที่ใช้ต้นทุนต่ำ ทั้งทางด้าน แรงงาน วัตถุดิบ และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงหนทางที่จะสร้างความยั่งยืน ผ่านการลดต้นทุนให้ต่ำกว่าคู่แข่งขัน แต่อย่าลดคุณภาพลงจนลูกค้าตระหนักได้ทัน
ทางด้านกลยุทธ์สร้างความแตกต่างในสินค้า
และบริการ (Differentiation Strategies)
มีข้อคิดที่นักการตลาดต้องพึงระลึกไว้ว่า
- แบรนด์จำเป็นต้องมีการวิจัยค้นคว้า เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์รวมถึงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมออกสู่ตลาด
- ความสามารถด้านการส่งมอบสินค้าออกสู่ตลาดที่มีคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่งขัน
- ความแตกต่างต้องแปรเปลี่ยนออกมาเป็นยอดขายได้ โดยต้องอาศัยความเข้าใจของตลาดต่อคุณค่าที่แตกต่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น